วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2551

คนดูไทยไร้การศีกษา

คราวก่อนโน้นที่เราเขียนเรื่องจัดเรทติ้งทีวีไทย ก็มีความเห็นต่อเนื่องจากการเสวนาระหว่างกรรมการจัดเรทติ้งกับผู้ทำรายการทีวีและผู้จัดละคร ทางคนดูบ่นว่าละครไทยน้ำเน่าและไร้ความสมจริง พระเอกนางเอกไปขึ้นเขาลงห้วย หน้าตาก็ยังขาวผ่อง ชุดสวยปิ๊งตลอด ตัวร้ายวันๆ ก็ไม่ทำงานการอะไร เอาแต่ด่านางเอกกับหาวิธีแย่งพระเอก คนจัดละครก็มาแก้ตัวว่า ตัวร้ายในละครมีอาชีพไม่ได้ เพราะ ถ้าตัวร้ายทำอาชีพอะไร ก็จะมีบุคคลในอาชีพนั้นๆ ออกมาประท้วงว่า อาชีพนั้นๆ ไม่ได้ร้ายอย่างในละคร

เราฟังแล้วก็ขำปนอนาถใจ นี่คนดูทีวีไทยจะปัญญาตื้นเขินขนาดที่จะไม่รู้เลยเหรอว่ามันคือละคร ไม่ใช่เรื่องจริง เราคิดว่าคนดูทีวีมีความรู้ความคิดพอจะตัดสินได้ว่า คนดีคนชั่วมีอยู่ทั่วไปทุกอาชีพ ภาพที่เห็นในละครก็เป็นแค่เรื่องสมมติ ละครก็ต้องใส่สีสันให้มันหวือหวาเกินจริงมันถึงจะมันส์... (แต่บางทีเรื่องจริงก็มีสีสันยิ่งกว่าละครนะ อย่ากรณีรถมินิคูเปอร์ หรือเรื่องนางแบบเป็นเพื่อนกับลูกนักการเมืองที่มีภรรยาแล้วนั่นไง!)

ทางวงการหนังก็วิพากษ์วิจารณ์กันหนักตอนที่คุณลัดดา ตั้งสุภาชัย (ผอ.กลุ่มเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม) ออกมาพูดเกี่ยวกับการเซ็นเซอร์หนังว่า “คนดูหนังส่วนใหญ่ไร้การศึกษา” ถึงต้องมีการเซ็นเซอร์ฉากโป๊ ทำโมเสคบังขวดเหล้า บุหรี่ มีดปืน และอบายมุขทั้งหลาย ดูดเสียงด่าทอ และเซ็นเซอร์ฉากที่ไม่เหมาะสมออกไป (ต่อเนื่องจากการเซ็นเซอร์ฉากพระเล่นกีตาร์ในหนัง แสงศตวรรษ ของคุณอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล กับฉากชิซุกะอาบน้ำในการ์ตูนโดเรมอน)

เราฟังแล้วก็อนาถใจอีกรอบ ที่เขาคิดว่าคนดูหนังไทยจะตื้นเขิน ไร้ความคิดขนาดต้องให้ “คนมีการศึกษา” อย่างคุณลัดดาหรือกรรมการเซ็นเซอร์หนังคอยช่วยตัดสินให้ว่าอันนี้มันไม่ดีงาม ต้องตัดทิ้งหรือเอาโมเสคมาบัง

แล้วความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมมันขึ้นอยู่กับอะไร (ขึ้นอยู่กับ “ความรู้สึก” ของคนบางกลุ่มหรือเปล่า ถ้าเรามองย้อนไปอีกวงการหนึ่ง ในเรื่องภาพเขียนภิกษุสันดานกา) และการมองไม่เห็นขวดเหล้า แต่รู้ว่ากำลังกินเหล้า การไม่เห็นปืน แต่รู้ว่าโจรกำลังจะจ่อขมับยิงเผาขน มันช่วยแก้ปัญหาศีลธรรม, อบายมุข และความรุนแรงตรงไหน?

วันนี้มีข่าวสหภาพแรงงานของการบินไทยกับตัวแทนแอร์โฮสเตส ออกมาโวยให้ยุติการฉายละครเรื่อง “สงครามนางฟ้า” เพราะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแอร์โฮสเตส

เราไม่ได้ดูละครเรื่องนี้แต่พอจะรู้เรื่องจากที่ฟังคนอื่นเล่า ประมาณว่าเป็นเรื่องของแอร์โฮสเตสที่ไปชอบกับผู้ชายที่มีภรรยาอยู่แล้ว ผู้ชายเลิกกับภรรยาไม่ได้ แอร์โฮสเตสจึงไปแต่งงานกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง แต่ต่างฝ่ายต่างก็ยังตัดใจจากกันไม่ได้ สุดท้ายก็นอกใจคู่สมรสของตัวเอง เป็นละครน้ำเน่าเมียน้อยเมียหลวงที่แสนจะไม่สร้างสรรค์ ไม่เหมาะกับศีลธรรมอันดีงามของไทย (แต่เราก็ไม่เห็นว่าจะต่างจากละครเรื่องอื่นๆ) และมีฉากด่าทอตบตีแย่งผู้ชายกันดุเดือด (แต่เราก็ไม่เห็นว่าจะต่างจากละครเรื่องอื่นๆ)

ที่จริงเราว่าละครเรื่องนี้ออกจะดีกว่าละครเรื่องอื่นๆ ด้วยซ้ำ เพราะมีความสมจริงสมจังบ้าง... อย่างน้อยตัวละครในเรื่องก็มีอาชีพ ต้องทำมาหากินอย่างคนทั่วไป แต่โชคร้ายที่ตัวละครดันมีอาชีพแอร์โฮสเตส เลยทำให้พวกแอร์โฮสเตสรับไม่ได้ ต้องออกมาประท้วงว่า พวกแอร์ฯไม่มีการด่าทอ ไม่มีการตบตี แย่งผู้ชายกันแบบนั้นหรอก (คนที่จะตบตีแย่งผู้ชาย ร้ายกาจขนาดแม่ค้าตามตลาดอยากจะเอาเปลือกทุเรียนตบหน้า เป็นแอร์โฮสเตสไม่ได้ ต้องเป็นพวกไม่มีอาชีพ เป็นพวกไม่ทำมาหากินอะไร ต่างหาก!!!)

นี่ขนาดคนที่ได้รับการศึกษาระดับปริญญาตรี (เป็นอย่างน้อย) ก็ยังแยกไม่ออกระหว่างความเป็นจริงกับความเป็นละคร ที่เขาพูดว่า “คนดูไทยส่วนใหญ่ไร้การศึกษา” เห็นท่าจะเป็นความจริง และคนดูไทยก็คงต้องอาศัยกรรมการเซ็นเซอร์ให้ช่วยตัดฉากที่ไม่เหมาะสม เอาโมเสคมาบังขวดเหล้า, บุหรี่, มีดปืนกันต่อไป

ปล. เราสงสัยว่าในเมื่อพฤติกรรมต่างๆ ที่เห็นกันเจนตาอยู่ในละคร มันไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ขนาดใครๆ ก็ไม่อยากจะให้คนในอาชีพของตัวเองไปกระทำอย่างนั้นแม้แต่ในเรื่องสมมติในละคร รับไม่ได้ขนาดต้องออกมาประท้วงว่าทำให้เสียภาพลักษณ์ แล้วทำไมพวกผู้จัดละครยังจะเอาไปใส่ไว้ในละครกันอยู่ได้? เขาใส่ไปเพราะคนชอบดูหรือ? แล้วถ้าคนดูชอบดู แต่รับไม่ได้ถ้าคนในอาชีพตัวเองประพฤติแบบนั้น มันหมายความว่าอะไร?!?

5 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เครียด เครียด ...

nitbert กล่าวว่า...

คุณ mymoney อย่าเครียดสิ ขำๆ นะ ขำๆ T_T

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอสนับสนุนละครไทยเขียนบท ให้วิศวกรสาว เอ็กซ์ เซ็กซี่ แย่งผู้ชายบ้าง อยากดู หรือโดนจับตัวไป โดนพระเอกปล้ำมั่งก็ได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ

nitbert กล่าวว่า...

วิศวกรสาว(แก่)จะไปยกป้ายเชียร์ถึงกองถ่ายเลยใช่ป่ะ เอิ๊กกๆๆๆๆ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

555+
พูดได้ดีนะ ความจริงคือสิ่งที่คนรับกันไม่ได้ คงเป็นแบบนั้นมั้ง เหอๆๆๆๆ

สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์