วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Windows 7 Background ฝีมือคนไทย...

ตอนนี้ OS ฝั่ง Microsoft ของเราหยุดอยู่ที่ Win XP เพราะเครื่องคอมบริษัทใช้มาตั้งแต่แรก ๆ แล้วก็ยังไม่เปลี่ยนจนทุกวันนี้ (เครื่องเปลี่ยน แต่ OS ไม่เปลี่ยน และเราคาดว่าบริษัทคงจะเก็บ XP เอาไว้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเศรษฐกิจห่วยขนาดนี้ ต้องรัดเข็มขัดทุกอย่าง)

เราว่า XP ก็ใช้งานได้น่าพอใจ เราไม่ได้ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ จนกระทั่งได้ Sony Vaio เครื่องเก่าที่พี่สาวเรายกให้ (เป็นของแถมที่มาพร้อมกับแม็คบุคร์แอร์ที่ใช้อยู่ตอนนี้) เลยได้ลองใช้ Vista บ้างนิดหน่อย ไม่ได้ใช้มากจนคุ้นมือ พอที่จะตัดสินได้ว่ามันห่วยเหมือนอย่างที่คนบ่นกันตึมหรือเปล่า

แต่คาดว่าคงห่วยจริง เพราะได้ข่าวมาว่า Microsoft จะออก Windows 7 แล้ว หลังจาก Vista ออกมาไม่ถึง ๓ ปี (ในขณะที่ Vista ออกหลังจาก XP ประมาณ ๕ ปี)

ความจริงข่าว Microsoft จะออก OS เวอร์ชั่นใหม่นี่น่าจะล้าสมัยไปหลายเดือนแล้ว (ถึงแม้ว่า Windows 7 จะยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการจนกว่าจะเดือนตุลาคมก็ตาม) แต่ที่จะเล่านี่ไม่ค่อยเกี่ยวกับฟังก์ชั่นใหม่ ๆ ของ Windows 7 เท่าไหร่ เกี่ยวกับ Background (หรือ Wallpaper) ของ Windows 7 ต่างหาก

เขาบอกว่าคราวนี้ Microsoft ต้องการจะออกแบบ Windows ให้สวยงามมีเอกลักษณ์ ไม่น้อยหน้า Mac OS แล้วก็ต้องการจะแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญกับหลากหลายชนชาติ ก็เลยจ้าง Illustrator มืออาชีพจากหลากหลายประเทศมาออกแบบ Background ให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้ตามรสนิยม

หนึ่งใน Background ของ Windows 7 ออกแบบโดย Illustrator ชาวไทย (รูปข้างล่าง) ชื่อ Pomme Chan (ควรจะอ่านว่าอะไร หรือเขียนเป็นภาษาไทยว่าไง เราไม่รู้แฮะ)


เท่าที่เราอ่านประวัติจากเว็บ คุณ Pomme เกิดและโตในไทย เรียนจบศิลปากร และทำงานเป็นนักออกแบบกราฟฟิกให้บริษัทโฆษณาในกรุงเทพฯ ก่อนจะย้ายไปอยู่ลอนดอน

ปัจจุบันทำงานเป็น Art Director และ Illustrator ให้กับนิตยสาร หนังสือพิมพ์ และสินค้าต่าง ๆ เยอะแยะ ดูจากรายชื่อและผลงานที่จัดแสดง คุณ Pomme จัดว่ามีชื่อเสียงในระดับนานาชาติเลย มีตัวแทนอยู่ในหลาย ๆ ประเทศทั้งยุโรปและอเมริกา แต่คนไทยไม่ยักกะรู้จัก (อย่างน้อยเราไม่รู้จัก คนอื่นในแวดวงโฆษณาหรือนักออกแบบอาจจะรู้จัก)

อดรู้สึกภูมิใจหน่อย ๆ ไม่ได้ ที่ผลงานของคนไทย จะได้เป็นหนึ่งใน Background ที่จะมีคนหลายล้านทั่วโลกได้เลือกใช้ (คนไทย อยู่เดี่ยว ๆ จะเก่งสุดยอด แต่พอรวมกันทีไร ก็ทะเลาะกันจนเสียเรื่องทุกที -_-')

ดูรายละเอียดภาพ background จาก Illustrator คนอื่น ๆ ไปที่นี่
ดูผลงานของคุณ Pomme Chan ไปที่นี่

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ถึงโดนฟ้อง ก็ไม่กลัว?

ปลายอาทิตย์ก่อนมีข่าวดาราฮอลลีวู้ดมาเสียชีวิตที่โรงแรมหรูในกทม. ด้วยลักษณะที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาด ข่าวในนสพ.ที่เคลมว่ามียอดขายอันดับหนึ่งเขียนบรรยายสภาพของผู้เสียชีวิตอย่างละเอียดลออ จนเรานึกสงสัยว่าน่าจะโดนฟ้อง...

นึกไว้ยังไม่ทันขาดคำ (เป็นความคิด ใช้ว่า ยังไม่ทันขาดคำ ได้ไหมเนี่ย? อิอิ) ก็มีข่าวว่าญาติของดาราจะฟ้องนสพ. ไทยที่ลงรูปหรือลงข่าวไปในทางสร้างความเสื่อมเสียให้กับผู้เสียชีวิต ซึ่งเราเห็นด้วยล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเราเคยเขียนด่าเรื่องการนำเสนอข่าวของนสพ. ไทยในทำนองนี้เอาไว้ในเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เราอยากให้ญาติดาราฮอลลีวู้ดชนะคดีด้วย จะได้เป็นคดีตัวอย่างให้คนอื่น ๆ กล้าฟ้องมั่ง

แน่นอนว่าเรื่องแย่ ๆ เรื่องความเสียหาย “ของคนอื่น” มักเป็นเรื่องที่คนอยากรู้ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เวลามีรถชนกัน บริเวณเกิดเหตุรถจะติดหนักสาหัส ไม่ใช่เพราะต้องหลบรถที่ชนกันอย่างเดียว แต่เป็นเพราะคนที่ขับรถผ่านไปมา ส่วนใหญ่ชลอดูว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ่งอุบัติเหตุหนัก ๆ รถพังยับเยิน ยิ่งดึงดูดความสนใจให้มองนาน ๆ (+ใช้เวลาวิเคราะห์วิจารณ์อยู่ในใจหรือออกเสียงกับเพื่อนร่วมเดินทาง)

แต่ความอยากรู้เรื่องของคนอื่นของคนทั่วไป ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่นสพ.หรือสื่อมวลชนจะเอามาใช้ ในการเผยแพร่ต่าง ๆ อย่างไร้จิตสำนึกและจรรยาบรรณ

นี่ขนาดญาติของดาราฮอลลีวู้ดบอกว่าจะฟ้องแล้ว แต่วันนี้นสพ.ที่เคลมว่าขายดีอันดับหนึ่งของประเทศก็ยังเอาข่าวนี้เป็นข่าวหลักพาดหัว (โดยที่เนื้อข่าวก็ไม่พูดถึงเรื่องที่จะโดนฟ้องด้วย) เราว่าเขาคงไม่แคร์ ตราบเท่าที่คนอ่านส่วนใหญ่ยังชอบเสพย์ข่าวแบบนี้ (และข่าวชาวบ้านแห่ขอหวยลูกหมูสองเพศ, ลูกกระบือสองหัว, ปลาไหลทอง, เห็ดยักษ์ ๑ เมตร ฯลฯ) และคนอีกส่วนหนึ่ง (ซึ่งเราอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย) ก็ทนเสพย์ต่อไป โดยที่ไม่ทำอะไรจริง ๆ จัง ๆ ซักที (นอกจากบ่น ๆๆ)

ในกรณีดาราฮอลลีวู้ดนี้ (หรืออาจจะมีกรณีอื่น ๆ ด้วย) เราว่าตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องก็มีส่วนผิด ที่ปล่อยให้สื่อมวลชนเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุได้ง่าย ๆ แถมสามารถถ่ายรูปและเอาข้อมูลรายละเอียดออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะชนได้อีกตะหาก

ลองนึกถึงซีรีส์ฝรั่ง CSI สถานที่เกิดเหตุโดนกันไว้หมด ให้เข้าไปได้เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น ข้อมูลที่เกี่ยวกับคดีก็เอามาเปิดเผยได้แค่เท่าที่จำเป็นหรือเท่าที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่นสพ.ไทยเข้าไปถึงสถานที่เกิดเหตุได้ขนาดนี้ ถ้าเป็น CSI เขาจะบอกว่าหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุอาจจะเอามาใช้ในทางคดีไม่ได้เพราะโดนรบกวนจากคนภายนอกไปแล้ว

สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์