เมื่อวานดูรายการ “จับเข่าคุย” เวลาใหม่ เขาเชิญครอบครัวศรีณรงค์มา คุณพ่อ อาจารย์สุทิน ศรีณรงค์ เป็นผู้ก่อตั้งวง Bangkok Symphony Orchestra และวาทยกรแห่งวงดุริยางค์เยาวชนไทย ลูกชายทวีเวท (เป้) ศรีณรงค์ เป็นนักไวโอลิน ได้ทุนจากสมเด็จพระพี่นางไปเรียนไวโอลินที่อังกฤษและอเมริกา ลูกสาวคนถัดมาอุทัยศรี (ป่าน) ศรีณรงค์ เป็นนักเชลโลก็ได้ทุนจากสมเด็จพระพี่นางเหมือนกัน ส่วนลูกสาวคนสุดท้องพินทุสร (ปุย) ศรีณรงค์ เป็นนักไวโอลินเหมือนกัน แต่ดูเหมือนตอนนี้กำลังคิดจะเบนเข็มไปทางรัฐศาสตร์มากกว่าเป็นนักดนตรีอาชีพอย่างพี่ๆ
เป้ พี่ชายคนโตเป็นคนแรกที่คิดจะมุ่งมั่นเอาจริงกับการเป็นนักดนตรี ตอนจบม. ๓ ได้ทุนของบริทิชเคาน์ซิลไปเรียนมัธยมที่อังกฤษ แต่ต่อมาฟองสบู่แตกตอนกำลังเรียนมหาวิทยาลัย ก็เลยมีคนทำเรื่องขอทุนจากสมเด็จพระพี่นาง เป็นคนแรกที่ได้ทุนจากท่าน (รู้สึกจะเป็นทุนส่วนพระองค์ ต่อมาภายหลังถึงได้มีกองทุนเพื่อสนับสนุนช่วยเหลือนักดนตรีคลาสสิก) ตอนที่พระพี่นางจะพระราชทานทุนให้ท่านก็ถามว่า จะให้ท่านให้เท่าไหร่ และจะช่วยเหลือตัวเองได้เท่าไหร่ คือท่านก็อยากจะให้ช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุดก่อน
เป้เรียนจนจบปริญญาตรีและไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาด้วยทุนของสมเด็จพระพี่นาง และเรียนปริญญาเอกด้วยทุนตัวเอง (ไม่แน่ใจว่าเรียนจบปริญญาเอกแล้วหรือยัง อาจจะใกล้จบแล้ว หรือเพิ่งจบได้หมาดๆ เพราะเห็นบอกว่าอยู่ที่นิวยอร์ก) เพราะเขาบอกว่าก็นึกถึงคำพูดของพระพี่นางที่บอกว่าให้ช่วยเหลือตัวเองก่อน เขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ (หาทุนจากมหาวิทยาลัย เป็นผู้ช่วยอาจารย์ และแสดงไวโอลิน) ก็คิดว่าเอาทุนส่วนนี้ไปให้น้องๆ รุ่นหลังๆ จะดีกว่า
เวลาที่ฟังเป้พูด เห็นชัดว่าเขาเป็นคนที่มุ่งมั่นและเอาจริงเอาจังมากกับการเล่นดนตรี เขาบอกว่าคนอาจจะมองว่า มันคือการเต้นกินรำกิน แต่ที่จริงอย่างพิธิกร ก็คือเป็นนักข่าวกิน ไทเกอร์ วู้ดก็เล่นกอล์ฟกิน จริงๆ แล้วมันก็คืออาชีพ คุณพ่ออาจารย์สุทินก็บอกว่า คนชอบพูดว่าเป็นนักดนตรี อาชีพไม่มั่นคง ตัวอาจารย์ก็เล่นอยู่กับวง BSO มาตลอด ก็มีงานให้เล่นตลอดเวลา ไม่เห็นเคยว่างเลย จนตอนนี้จะเกษียณแล้ว คนก็ยังบอกว่าไม่มั่นคง ที่มั่นคงคือ รับราชการ กินเงินเดือนเจ็ดพันแปดพัน แต่เบิกค่ายาได้ อันนั้นคือมั่นคง
เราเห็นด้วยกับอาจารย์สุทินที่สุดที่บอกว่า คนเราถ้ามีฝีมือจริงๆ ไม่อดตายหรอก ถ้าเราเก่งอะไรสักอย่าง ให้เก่งจริงๆ ก็เป็นอาชีพได้
เราดูได้อีกรายการหนึ่งทางช่องเก้า เขาสัมภาษณ์คนที่ได้ทุนจากสมเด็จพระพี่นางไปเรียนดนตรีคลาสสิก ดูแล้วทึ่งจริงๆ ที่เขาให้โอกาสคนทั่วไปมากมายขนาดนั้น คนที่มาพูดคนหนึ่งดูท่าทางเป็นคนต่างจังหวัด ยังพูดเหน่อๆ อยู่เลย แต่เป็นนักดนตรีคลาสสิกระดับยอดของไทย (ไม่ได้ดูถูกคนต่างจังหวัดนะ เพราะเราก็ต่างจังหวัดเหมือนกัน) มันดูขัดๆ กับภาพที่เราจะชินๆ กันว่า ดนตรีคลาสสิกต้องเป็นของคนชั้นสูง
นี่ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุน คนที่มีความสามารถก็คงไม่ได้พัฒนามากนัก นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพี่นางจริงๆ แต่ในอีกทางหนึ่งก็น่าเสียดาย ที่ประเทศเราไม่มีการสนับสนุนให้กว้างขวางและจริงจังมากกว่านี้ เพราะเราว่าคงมีคนที่มีความสามารถและมีความฝันอีกมากมายที่ขาดโอกาส สุดท้ายก็ต้องละทิ้งความฝันไปทำอาชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปก่อน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความต่าง ๆ ในบล็อก If we don't care, who will? โดย nitbert อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
1 ความคิดเห็น:
ฟังตอนสีไวโอลินโชว์ เพราะมากๆเลย
แสดงความคิดเห็น