วันนี้ไปจ่ายเงินบัตรเครดิต SCBT ที่เคาน์เตอร์ธนาคาร SCIB เพราะบัตรเครดิตโทรมาบอกว่าตัดเงินจากบัญชีไม่ได้ เราก็งง ๆ เพราะในบัญชีควรจะมีเงินพอ เงินเดือนก็เพิ่งเข้า แถมเราเพิ่งขายกองทุนด้วย (กะจะเอาไปซื้อหุ้นกู้ PTTAR แต่ซื้อไม่ทัน) เรานึกว่าเงินกองทุนอาจจะเข้าตอนบ่าย แล้วบัตรเครดิตไปทำรายการตัดตั้งแต่ตอนเช้า ก็เลยตัดไม่ได้ (ความจริงเรื่องนี้มาคิดตอนหลังแล้วยังคิดไม่ออกว่า เงินตูหายไปไหนฟระ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ใครคิดออกช่วยบอกที)
เราถามเจ้าหน้าที่ว่า ทำเรื่องตัดบัญชีอีกรอบหนึ่งตอนนี้ได้ไหม เรามั่นใจว่ามีเงินในบัญชีพอ แล้วเราก็ไม่สะดวกจะไปจ่ายที่เคาน์เตอร์วันนี้ เขาบอกว่าไม่ได้ เพราะการตัดบัญชีจะทำอัตโนมัติเดือนละครั้ง ถ้าเราไม่สะดวกจะไปวันนี้ เขาอนุโลมให้ไปจ่ายได้ถึงวันจันทร์ แต่ต้องไปที่ธนาคาร SCBT ถ้าจะจ่ายที่เคาน์เตอร์ธนาคารอื่น ต้องไปภายในวันนี้
เราไม่สะดวกจะไปธนาคาร SCBT อีกเหมือนกัน จะไปจ่ายที่ธนาคารอื่น เขาแนะนำว่าที่ค่าธรรมเนียมถูก ๆ มี SCIB กับธนชาติ เราไม่มีสเตทเมนต์ ก็เลยขอให้เขาแฟ็กซ์ใบจ่ายเงินมาให้ กรอกเลขที่บัตร กรอกจำนวนเงินเสร็จก็เอาไปที่ธนาคาร SCIB พนักงานเห็นใบจ่ายเงินเรา ก็ถามว่า ไม่มีสเตทเมนต์แบบที่มีบาร์โค้ดเหรอคะ เราบอกว่าไม่มี เขาบอกว่าต้องมีสเตทเมนต์แบบที่มีบาร์โค้ด เราก็ถามว่า อ้าว... ก็นี่เป็นใบจ่ายเงินที่บัตรเครดิตส่งมาให้ ทำไมใช้ไม่ได้ล่ะ
เขาหันไปถามเจ้าหน้าที่อีกคนที่ดูอาวุโสกว่าว่า พี่คะไม่มีบาร์โค้ดแบบนี้ จะจ่ายเงินได้เหรอคะ เจ้าหน้าที่คนที่ถูกถามก็ตอบว่า ปกติจะไม่ยอมรับจ่าย เพราะเป็นบัตรของธนาคารอื่น เช็ครายการออนไลน์ไม่ได้ จะยอมรับทำรายการให้ก็ได้ แต่ถ้าเข้าผิดบัญชี จะทำเรื่องคืนไม่ได้ ทางที่ดีไปเอาสเตทเมนต์ที่มีบาร์โค้ดมาดีกว่า
เขาก็หันมาบอกว่า รับชำระไม่ได้ค่ะ ต้องเป็นใบที่มีบาร์โค้ด เราทำใจเย็น ๆ แล้วถามว่า อ้าว... แล้วในใบนี้มีรหัสธนาคาร มีเลขที่บัตรเครดิตนี่ ทำรายการโดยคีย์ข้อมูลตามนั้นไม่ได้เหรอ เขาคงเห็นว่าเราไม่ยอมแน่ ๆ ก็เลยบอกว่า ครั้งนี้ยอมรับทำรายการให้ แต่คราวหน้าต้องใช้ใบที่มีบาร์โค้ดนะคะ เราบอกว่า จ่ายแค่คราวนี้แหละ คงไม่มีคราวหน้าแล้ว เพราะปกติให้ตัดบัญชีธนาคาร
เราเคยทำรายการจ่ายเงินทางอินเทอร์เน็ทโดยหักจากบัญชีธนาคาร ก็ต้องเลือกว่าจะจ่ายให้หน่วยงานไหน (มีชื่อหน่วยงาน มีรหัสธนาคาร) แล้วก็คีย์หมายเลขอ้างอิงแล้วแต่เขาจะต้องการ บางที่ก็มีหมายเลขเดียว บางที่ก็มีสองหมายเลข (REF1 กับ REF2) การรับชำระเงินของธนาคารหรือตามเคาน์เตอร์ต่าง ๆ ก็น่าจะทำนองเดียวกัน หลัง ๆ นี้มีใบแจ้งหนี้แบบที่มีบาร์โค้ด ก็สะดวกและลดความผิดพลาดได้เยอะ ไม่ต้องกลัวคีย์หมายเลขผิด
แต่ขอโทษเถอะ... ถ้าพนักงานจะไม่ยอมทำรายการ เพราะต้องอ่านตัวเลข/คีย์ตัวเลขเอง และต้องเช็คว่าคีย์ตัวเลขถูกต้องเอง แทนที่จะใช้เครื่องสแกนบาร์โค้ด ทีหลังธนาคารก็ไม่ต้องจ้างพนักงานดีกว่ามั้ง ซื้อเครื่องสแกนบาร์โค้ดมาดีกว่า ทำงานได้ถูกต้องตลอดเวลา ไม่อู้ ไม่บ่น (ตราบที่มีไฟฟ้า)
การใช้บาร์โค้ดก็สะดวกดี แต่ถ้าต้องทำรายการเอง ก็ควรจะทำได้ ไม่ใช่มาบอกลูกค้าว่าทำไม่ได้ ต้องไปเอาใบที่มีบาร์โค้ดมา แถมยังมาบอกอีกว่า ยอมทำให้ครั้งนี้ครั้งเดียว ครั้งหน้าไม่ยอมแล้ว เราได้แต่คิดในใจว่านี่เราไม่ได้มาขอความช่วยเหลือเขานะ เรามาใช้บริการและจ่ายค่าบริการ เขาอาจจะเข้าใจอะไรผิดไป
ส่วนเรื่องที่เจ้าหน้าที่คนที่อาวุโสกว่าบอกว่า ถ้าจ่ายเงินเข้าบัญชีผิด ก็จะทำเรื่องคืนไม่ได้ เราคิดในใจอีกเหมือนกันว่ามันไม่จริง ถ้าเราให้เลขบัตรเครดิตเขาไปผิด แล้วเขาคีย์ตามนั้น มันก็เป็นความผิดของเรา แต่ถ้าเราให้เลขบัตรที่ถูกต้องไป แต่เขาคีย์ผิดเอง ก็เป็นความผิดเขา แต่ไม่ว่าใครจะผิด ถ้ามีหลักฐานอยู่ก็ต้องแก้ไขได้ แต่อาจจะเสียเวลาและวุ่นวายมาก ก็เท่านั้นเอง
ของแถม: หลังจากมีเรื่องบาร์โค้ดนี้ ตอนเย็นเราฟังวิทยุ มีคนเล่าให้ฟังว่า จะไปคัดสำเนาการเปลี่ยนชื่อที่เขต ซึ่งต้องไปที่เขตที่ทำการเปลี่ยนชื่อ ปรากฎว่าไปถึงแล้วคอมพิวเตอร์เสีย เลยค้นหารายการไม่ได้ ต้องไปใหม่วันหลัง เขาบอกว่าทั้ง ๆ ที่เขาก็จดรายละเอียดไปทุกอย่างว่าเปลี่ยนชื่อวันไหน เลขอ้างอิงอะไรต่ออะไรก็มี ถ้าพนักงานจะไปค้นหารายการด้วยมือ ก็น่าจะทำได้ แต่เขาไม่ทำ พอมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากขึ้น คนก็ยิ่งขี้เกียจมากขึ้นและโง่ลง จริง ๆ นะ
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความต่าง ๆ ในบล็อก If we don't care, who will? โดย nitbert อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย