วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Leadership Training

วันก่อนที่บริษัทจัดคลาส  Leadership Training ไม่ค่อยอยากเข้าเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่เข้าต้องบอกเหตุผลว่าทำไมไม่เข้า (คนที่มาเทรนเป็นฝรั่ง อุตส่าห์บินจากออฟฟิศที่อเมริกามาสอน) ก็เลยต้องตกกระไดพลอยโจนเข้าไป “โดนอบรม” 

เขาสอนเรื่อง Development Style ของลูกน้อง ว่าแบ่งตาม Skill/Knowledge กับ Motivation/Commitment ได้ ๔ ประเภท คือ D1 - Low/High, D2 - Low/Low, D3 - High/Low, D4 - High/High (แปลง่าย ๆ ก็คือ ไม่เก่งแต่ตั้งใจ, ไม่เก่งและไม่ตั้งใจ, เก่งแต่ไม่ตั้งใจ, เก่งและตั้งใจ)

หัวหน้าต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าลูกน้องตัวเองอยู่ในประเภทไหน และเป้าหมายของหัวหน้าคือ ทำให้ลูกน้องเป็น D4 ให้ได้ ลูกน้องที่มักจะล้มเหลวคือพวก D2/D3 ส่วนพวก D1 ถึงจะไม่เก่ง แต่โอกาสล้มเหลวน้อยกว่าเยอะ

เขาบอกว่า อุปสรรคของความสำเร็จในองค์กร ไม่ได้เกิดจากคนไม่มีความรู้ความสามารถพอที่จะทำงาน แต่คนไม่ยอมทำงานเท่าที่มีความรู้ความสามารถ (อืมม์ อันนี้ ฟังแล้วโดนนนน...ไปเต็ม ๆ)

ส่วน Leadership Style คือลักษณะการนำหรือสอนลูกน้อง แบ่งตาม Telling/Directing กับ Questioning/Supporting เป็น ๔ ประเภทเหมือนกัน คือ S1 - High/Low, S2 - High/High, S3 - Low/High, S4 - Low/Low (แปลง่าย ๆ ก็คือ ให้ความรู้แต่ไม่ต้องให้กำลังใจ-แรงจูงใจ, ให้ความรู้และให้กำลังใจ-แรงจูงใจ, ไม่ต้องให้ความรู้แต่ให้กำลังใจหรือแรงจูงใจ, ไม่ต้องให้ความรู้และไม่ต้องไม่ต้องให้กำลังใจ-แรงจูงใจ)

Leadership Style ก็จะแมชท์กับ Development Style พอดี

เขาบอกว่าคนเป็น Leader/Supervisor จำเป็นต้องรู้ว่า เวลาไหนควรจะสอนหรือให้ความรู้กับลูกน้อง (เวลาที่ลูกน้องไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ) แต่ที่สำคัญกว่า คือ ต้องรู้ว่าเวลาไหนที่ควรจะเลิกสอน (เวลาที่ลูกน้องรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว - สอนมาก ๆ ลูกน้องรำคาญ, หรือลูกน้องไม่ได้อยากให้สอน - สอนไปมันก็ไม่ฟัง)

เขาบอกว่าคนทำงานส่วนใหญ่จะเริ่มจาก D1 แล้วพอทำงานมาซักพักหนึ่ง ก็จะเก่งขึ้น (เป็น D4) ถ้าให้ทำงานเดิมซ้ำไปเรื่อย ๆ อาจจะเบื่อ และกลายเป็น D3 ไป บริษัทก็เลยมักจะต้องโปรโมทคนเก่ง ๆ ให้ได้ทำงานตำแหน่งหน้าที่ใหม่ ๆ

คนนั้นก็จะกลายเป็น D1 อีก (ตื่นเต้นกับตำแหน่งหน้าที่ใหม่ ๆ แต่ยังไม่มีประสบการณ์ในตำแหน่งนั้น) ถ้าหัวหน้าสอนเขาให้เขามีความรู้มีประสบการณ์มากขึ้น ก็สามารถจะกลายเป็น D4 ในตำแหน่งใหม่ได้ แต่ถ้าหัวหน้าให้ความรู้เขาไม่พอ ก็อาจจะหมดกำลังใจ รู้สึกว่างานยากเกินไป หรือคิดว่าตัวเองไม่เก่งพอ จะกลายเป็น D2 แล้วก็ล้มเหลวหรือเลิกกลางคัน

แต่ถ้าโปรโมทคนไปทำในตำแหน่งที่เขาไม่อยากทำ ก็เท่ากับส่งลูกน้องให้ไปเป็น D2 แบบนี้ก็เจ๊งลูกเดียว!!

ในคลาสมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะแยะ ฟังแล้วก็เพลิน ๆ ดี เห็นบอกว่าเอาเนื้อหาจาก The One Minute Manager มาสอน คนสอนก็ฮาดี ทำให้ไม่ง่วง เสียแต่เราไม่ได้อยากจะลีดใคร ก็เลยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปตามเรื่อง... :P

4 ความคิดเห็น:

podduang กล่าวว่า...

ชอบกั๊บ ขออนุญาตเอาไปโพสต์ต่อที่เว็บพดด้วงนะกั๊บ

nitbert กล่าวว่า...

เอาไปได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย 55555

ปล. เพิ่งสังเกตว่าเขียนผิดเขียนตกหลายที่ คุณพดด้วงเอาไปโพสต์ ช่วยรีวิวให้ด้วยนะ อิอิ

podduang กล่าวว่า...

แปะไปแล้วนะกั๊บ ขอบคุณกั๊บ

nitbert กล่าวว่า...

อ้าว เวรกรรม คุณพดด้วงไม่ยอมแก้ที่พิมพ์ผิดให้แฮะ ... (แต่ในบล็อกเรา เราแก้แล้วนะ แหะ ๆ)

สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์