วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2552

Time vs. Money

อาทิตย์ก่อนเราไปประชุมที่กับ Vendor ที่เมืองจีน ประชุมเสร็จ Vendor พาไปเลี้ยงข้าวเย็น ก่อนจะให้รถไปส่งที่โรงแรมซึ่งอยู่อีกเมืองหนึ่งเพื่อขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยเช้าวันรุ่งขึ้น คราวนี้ไปกันหลายคน ก็เลยมีรถ ๒ คัน รถที่เรานั่งมี Project Manager กับ Owner's Engineer เป็นฝรั่ง แล้วก็มีเรา กับ Owner เป็นคนไทย

พอรถออกจากร้านอาหาร ก่อนจะขึ้นทางด่วน คนขับรถก็แวะปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน เรายังไม่ทันได้นึกอะไร PM หันมาหา OE แล้วบ่นแบบเซ็ง ๆ ว่านี่มันอะไรกัน ตอนที่พวกเรานั่งกินข้าวเย็นกัน มีเวลาตั้งสองชั่วโมง คนขับรถมัวไปทำอะไรอยู่ ถึงไม่ยอมเอารถไปเติมน้ำมันให้เรียบร้อย

OE ซึ่งเป็นคนอังกฤษที่อยู่เมืองไทยมาค่อนข้างนาน ตอบว่า ไม่อยากจะพูดเลยว่า แบบนี้นิสัยเหมือนคนไทยเลย เพราะคนขับรถที่บริษัทเขาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เขาต้องไปไซท์ที่ระยองบ่อย ๆ พอขับไปถึงไซท์ คนขับรถก็นั่งรอว่าง ๆ อยู่ทั้งวัน พอตอนเย็นออกจากไซท์ปุ๊บ คนขับรถแวะปั๊มใหญ่ ๆ ปั๊มแรกที่เจอ เพื่อเติมน้ำมัน

แล้วฝรั่งสองคนก็บ่นกันใหญ่ว่า คนขับรถควรจะจัดการเรื่องรถให้เรียบร้อยในระหว่างที่เขาไม่ได้ใช้รถ พอถึงเวลาที่เขาจะใช้รถ ก็ต้องพร้อมใช้เลย ไม่ใช่มาเสียเวลาเติมน้ำมัน เสียเวลาโน่นนี่ เราไม่เคยมีคนขับรถ เลยไม่รู้ว่า เราจะรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่ฝรั่ง ๒ คนนี้เป็นหรือเปล่า แต่เราว่าเราพอจะเข้าใจลอจิกของคนขับรถอยู่บ้าง

เราว่าคนจีนกับคนไทยน่าจะเหมือน ๆ กันตรงที่ว่า พวกเรามีเวลาเยอะแยะ แต่มีเงินน้อย ถ้าต้องเลือกระหว่างเสียเงินกับเสียเวลา พวกเรายอมเสียเวลาดีกว่า เพราะฉะนั้นพวกเราจึงเลือกที่จะเสียเวลาแวะปั๊มน้ำมันระหว่างทางที่จะไปขึ้นทางด่วน แทนที่จะขับรถออกจากร้านอาหาร (หรือออกจากไซท์) เพื่อไปเติมน้ำมันแล้วขับรถกลับมาที่เดิม เพราะการทำอย่างหลังมันเปลืองน้ำมัน-เปลืองเงินโดยใช่เหตุ

แต่พวกฝรั่งเขาคิดว่า เวลาของเขามีค่ามาก เขาเลยรู้สึกว่าคนขับรถน่าจะไปเติมน้ำมันให้เรียบร้อย และการที่จะต้องสิ้นเปลืองน้ำมันไปกับการขับรถวนไปมา มันก็เล็กน้อยเสียจนไม่เป็นประเด็น

5 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นึกว่าพูดถึงหนังสือ Time กะหนังสือ Money เสียอีก

ว่าแต่ฝรั่งที่ว่าเคยถามคนขับรถไหมล่ะว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น ลองถามดูก่อนก็ได้นี่นาแล้วค่อยตัดสินคนอื่น หรือเขาอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ได้

มาแต่ละทีซีเรียสตลอด ระวังผมหงอกเร็วนะครับคุณ nitbert ;)

nitbert กล่าวว่า...

อ้าว คุณ podduang อ่านแล้วซีเรียสหรอกเหรอ คนเขียนไม่ได้ซีเรียสเลยนะ แค่ตั้งข้อสังเกตเฉย ๆ

ส่วนเรื่องผมหงอก ระวังไม่ทันแล้ว มันมาโดยไม่ทันตั้งตัวหนะ -_-'

P'Puk กล่าวว่า...

เราเข้าใจคนขับรถว่ะ มันขึ้นอยู่กะนโยบายของการจ่ายเงินค่าน้ำมัน เลยนะ

สมมุติว่าเราทิ้งเงินไว้ในรถ 1000 บาท เพื่อให้คนขับสำรองจ่าย มันต้องมาคอยเช็คยอดเงินกัน (นึกออกมั้ยมันมีค่าทางด่วนด้วย จำกันไม่ได้หรอก ทิ้งๆเงินไว้ในรถน่ะ)คนขับเค้าก็กลัว นายๆไม่ไว้ใจเค้า หรือมีปัญหา นายเสือกลืมเอง แล้วมาหาว่าเค้าหยิบไป เค้าก็ไม่กล้าทำ ครั้นจะให้เค้าสำรองจ่ายไปก่อน เค้าไม่มีเงินอ่ะ เค้าเจอข้าวแกงจานละ 15 บาท นี่เค้าดีใจสุดๆเลยนะ

ดังนั้น คนขับส่วนใหญ่จึงเลือกเติมน้ำมันเวลาที่อยู่กับ นายเท่านั้น เพื่อมีคนจ่าย ไม่ใช่มาให้เค้าจ่ายก่อนแล้วไปเบิก เพื่อป้องกันนการหยิบเงินในรถ เงินหายไป etc

Miu Hung กล่าวว่า...

มีหลายมุมมองแฮะ
แต่ยังชอบไอเดียคนเขียนไม่สร่างซา
แบบว่าเรามีเงินน้อยแต่มีเวลาเยอะ
ฝรั่งมีเวลาน้อยแต่มีเงินเยอะ
ไม่เคยมองมุมนี้เลย ชอบๆ

nitbert กล่าวว่า...

คุณ Miu Hung ขอบคุณมากค่ะ :)

ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีนะคะ (คนเขียนไม่ค่อยได้เขียน คนอ่านก็เลยหายหน้าเนอะ อิอิ)

สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์