วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เป้าหมายกับทัศนคติ

ความจริงตั้งใจไว้ว่าที่บล็อกนี้ จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเขียน (เพราะกลัวเจอโจทก์) แต่พอดีมีเรื่องเพื่อนที่เรารู้สึกว่าน่าจะเอามาเขียนได้ (นินทาเพื่อนไม่เป็นไร ฮ่าๆ) ก็เลยขอเขียนเรื่องส่วนตัว (ของเพื่อน) ซะหน่อย เหตุจุดประกายเกิดจากการที่มีเพื่อนคนหนึ่งมาบ่นเพื่อนอีกคนให้ฟังด้วยความกลุ้มใจว่า ทำไม๊... ทำไม เพื่อนถึงชอบตัดสินใจทำอะไรโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา

เราฟังเขาบ่นยาวยืดแล้ว ก็สรุปว่า คนสองคนนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เวลาที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น คนหนึ่งก็ตัดสินใจไปอย่างหนึ่ง อีกคนก็ตัดสินใจไปทางตรงกันข้าม ต่างฝ่ายต่างก็คิดในมุมของตัวเองว่าที่ทำนี่แหละถูกต้องดีแล้ว แล้วก็ไม่เข้าใจ รับไม่ได้กับการตัดสินใจการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่ง

คนหนึ่งเป็นคนที่ตั้งเป้าหมายกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ไม่ว่าเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก ไม่ว่าเรื่องงานเรื่องส่วนตัว มีเป้าหมายแล้ว ก็ “มุ่งมั่น” ที่จะประสบความสำเร็จทุกเป้าหมาย ส่วนอีกคนหนึ่งดูจะเหมือนจะไม่เคยตั้งเป้าหมายในชีวิตเลย ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว เพราะเขามี “ความเชื่อมั่น” อยู่ลึกๆ ว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เหมือนคนอื่นๆ

ในด้านความสามารถแล้ว เราคิดว่าทั้งสองคนนี้มีศักยภาพที่จะสำเร็จในเป้าหมายของตัวเองได้พอๆ กัน แต่ความแตกต่างคือ คนหนึ่ง “มุ่งมั่นจะประสบความสำเร็จในทุกอย่าง” แต่อีกคนหนึ่ง “เชื่อมั่นว่าจะล้มเหลวในทุกอย่าง”

ถ้ามองจากภายนอกคนทั่วไปก็คงคิดว่าคนทั้งสองคนนี้ก็ดูจะรับมือกับสถานการณ์ ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ในด้านจิตใจแล้วเราคิดว่า ทั้งสองคนต้องดิ้นรนพอๆ กัน เพราะในชีวิตของคนเรา มีแพ้มีชนะปะปนกันไป ไม่มีใครที่จะชนะได้ตลอด หรือแพ้ได้ตลอด

คนที่ต้องการประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง เจอ “เรื่องไม่กี่เรื่อง” ที่ตัวเองทำไม่สำเร็จ (หรือยังไม่สำเร็จ) ก็กลุ้มใจ หงุดหงิด รำคาญ คิดแต่จะแก้ปัญหา จะเอาชนะอุปสรรคให้ได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยได้นึกถึง “เรื่องส่วนใหญ่” ที่ตัวเองจัดการได้ดี

การไม่ยอมปล่อยวางเรื่องบางเรื่อง ไม่ยอมรับว่าเป้าหมายบางอย่างเราก็ไม่มีวันจะไปถึงได้ การไม่ใช้เวลาชื่นชมความสำเร็จของตัวเองมากเท่าที่ควร ทำให้ชีวิตของคนซึ่งคนภายนอกมองว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง กลายเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยปัญหาที่ยังต้องแก้ มีแต่เป้าหมายที่ยังไปไม่ถึงในความรู้สึกของเจ้าตัว

สำหรับคนที่เชื่อมั่นว่าจะล้มเหลวตลอดเวลา (ความจริงที่บอกว่า เขาเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยก็อาจจะไม่ถูกซะทีเดียว แต่น่าจะเป็นว่าเขาไม่กล้าที่จะตั้งเป้าหมายอะไรในชีวิต เพราะตัวเองปักใจเชื่อไปแล้วว่า ตั้งไปก็ไม่มีทางสำเร็จ) เขาก็ยังสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จในเกณฑ์ที่น่าพอใจ คนทั่วไปอาจจะไม่ได้มองว่าเขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ล้มเหลวในชีวิต

ในสายตาของเจ้าตัว เขากลับคิดถึงความสำเร็จต่างๆ ในชีวิตของเขา ว่าได้มาเพราะ “ฟลุค” บ้าง “โชคดีที่มีคนช่วยบ้าง” ฯลฯ ส่วนเรื่องที่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาก็คิดตอกย้ำความรู้สึกตัวเองว่า “เห็นไหม เราไม่มีความสามารถจริงๆ ก็สมควรแล้วที่เราจะทำไม่สำเร็จ”

เราคิดว่าถ้าเพื่อนเราจะเริ่มให้เครดิตตัวเองมากขึ้น ว่าความสำเร็จเกิดจากความสามารถของเขาด้วย ค่อยๆ สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองว่า ตัวเองมีโอกาสประบความสำเร็จได้เท่าๆ กับคนอื่น (หรือมากกว่า) และในเรื่องที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ก็กล้าที่จะคิดว่า มันสำเร็จได้ ไม่ใช่ ไปเตรียมใจที่จะล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ลงมือทำ เพราะมันเป็นการสะกดจิตตัวเอง และยังกลายเป็นข้ออ้างในการที่จะไม่มุ่งมั่นที่จะเอาชนะอุปสรรคอีกด้วย

เราไม่แน่ใจว่าที่เราเขียนมานี้จะเป็นการวิเคราะห์ที่ตรงประเด็นหรือเปล่า จะเป็นสิ่งที่เพื่อนต้องการได้ยินหรือเปล่า และที่สำคัญสุดเพื่อนจะนำไปใช้ประโยชน์ได้หรือเปล่า (เพราะที่จริงก็อายุก็ป่านนี้เข้าไปแล้ว มันก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง) แต่ก็เขียนไปก่อน... ตามอุดมการณ์ของบล็อกนี้คือ ถ้าเราไม่แคร์ แล้วใครจะแคร์ล่ะฟระ? :)

5 ความคิดเห็น:

รีอัน ชอน กล่าวว่า...

ฮ็อกก .. มีด้วยเหรอ คนที่ตั้งใจว่าจะล้มเหลวในทุกเรื่องน่ะ ..

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เคยได้ยินว่าคนที่มีทัศนคติทางบวก หรือพวก can do attitude มักจะประสบความสำเร็จมากกว่าพวกที่มีทัศนคติทางลบ เพราะพวกแรกมักจะ "กล่อม" ตัวเองจนเชื่อว่า กูทำได้ กูทำได้ กูต้องทำได้

ส่วนพวกหลัง จะกล่อมตัวเองเหมือนกัน แต่กลับด้านกลายเป็น กูทำไม่ได้ กูทำไม่ได้ กูตายแน่ ด้วยเหตุนี้เองคนกลุ่มแรกจะมีความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองจนประสบความสำเร็จมากกว่าพวกหลัง

แต่ความสำเร็จมากกว่าก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสุขมากกว่านะครับ (อันนั้นมันต้องว่ากันอีกเรื่อง หรืออีกโพสต์นึง)

และจากข้อมูลนี้เองทำให้หลังจากตื่นนอน ผมต้องพูดกับตัวเองหน้ากระจกในห้องน้ำทุกวันก่อนที่จะทำกิจกรรมอย่างอื่นว่า กูหน้าตาดี กูหล่อ กูหน้าตาดี ...

เชื่อไหมครับว่า ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว ผบทบ.ผมบางทียังเผลอสะดุ้งเวลาหันมาเจอหน้าผมอยู่เลย

เฮ้อออออ....

nitbert กล่าวว่า...

อาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อนะกุ้ง แต่มีจริงๆ มันเป็นเรื่องของ psychological problem นะ เพราะอย่างที่บอก ถ้าคนข้างนอกมองดู ก็เห็นว่าคนนี้ก็ไม่ได้ล้มเหลว หรือแย่อย่างที่เจ้าตัวคิด แต่ถ้าคุยด้วยจะรู้ว่า เขาไม่รู้สึกมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำเลย และยิ่งเวลาผ่านไป ก็ยิ่ง "กล่อม" ตัวเองให้เชื่ออย่างนั้นมากขึ้น ตอนสมัยเด็กๆ ก็ยังไม่มาก เพราะชีวิตยังไม่ซับซ้อน หน้าที่ความรับผิดชอบยังไม่เยอะ และความคาดหวังก็ยังไม่มาก แต่พอโตขึ้นมา ถ้า cope กับความคิดตรงนี้ไม่ได้ เรารู้สึกว่าเจ้าตัวจะรู้สึกแย่มากๆ ทั้งที่มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ชีวิตของเพื่อนเราคนนี้ "ประสบความสำเร็จ" มากกว่าคนอื่นอีกหลายร้อยล้านคนในโลกนี้ ไม่ว่าจะเอาดัชนีอะไรมาวัด แต่เจ้าตัวไม่ยักรู้สึกอย่างนั้น

คุณ mymoney, เห็นด้วยที่สุดว่า ความสำเร็จ ไม่ได้เท่ากับ ความสุข ถึงได้เขียนไงว่า ที่คนที่ประสบความสำเร็จมากๆ แต่กลับไป concentrate กับเรื่องที่ยังไม่สำเร็จ ก็จะเหมือนกับว่า ชีวิตตัวเองยังมีแต่เรื่องที่ต้องพยายามทำต่อไป โดยที่ไม่ได้มีเวลา appreciate กับสิ่งที่ตัวเองทำสำเร็จได้ดี รู้สึกเหมือนต้องปีนขึ้นภูเขาทุกวัน แล้วยอดเขามันก็อยู่ไกลไปเรื่อย โดยไม่ค่อยได้มองย้อนหลังกลับไปดูว่า เรามาได้ไกลโคตรๆ เลย

ส่วนตัวคิดว่ามันเป็นไปได้ยากที่คนเราจะประสบความสำเร็จ "ทุกอย่าง" แค่ประสบความสำเร็จในเรื่องส่วนใหญ่ และมีความสุขกับมัน น่าจะดีกว่า

ส่วนเรื่องผบ.ทบ.เห็นหน้าแล้วสะดุ้ง แนะนำว่าให้ "สะกดจิต" ผบ.ทบ.ด้วย 555

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขออนุญาตออกตัวในฐานะที่ถูกพาดพิง เราไม่ได้ทำสำเร็จทุกเรื่องนะโว้ย มีเรื่องที่โดนด่า ทำงานพลาด ตัดสินใจผิดเยอะแยะ ยังไม่รวม งานที่ตั้งใจทำให้มันเผาๆไป ช่างแม่ง ล้มลุกคลุกคลานหลายครั้ง ยอมรับว่าเป็นคนมีความมุ่งมั่นมากในบางเรื่อง แต่ในแง่มุมที่คนบางคนเท่านั้นที่จะรู้ว่า เรามีเรื่องที่เราไม่สนใจมันเลยเยอะมาก

เรายอมรับว่าเราประสบความสำเร็จในระดับนึงที่เกินกว่าคนไทยโดยเฉลี่ย แต่เราว่าเราไม่ perfectionism เท่าคนเขียนบล็อคนะ อันนี้คงต้องให้เพื่อนสนิทคนนอกเป็นคนตัดสิน >:)

เราคิดมาหลายรอบแล้วเรื่องนี้ เราว่าคนเราจะต้องมีความเอาใจเขามาใส่ใจเรามากกว่านี้ ถ้าคนที่เรารู้จักหรือคบหา คิดถึงแต่ตัวเองมากกว่าคนอื่นๆรอบๆข้างมากๆ จนไม่มีเวลาซักนิดจะคิดถึงใคร วันนึงก็จะไม่มีใครทนใครได้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

"เราคิดมาหลายรอบแล้วเรื่องนี้ เราว่าคนเราจะต้องมีความเอาใจเขามาใส่ใจเรามากกว่านี้ ถ้าคนที่เรารู้จักหรือคบหา คิดถึงแต่ตัวเองมากกว่าคนอื่นๆรอบๆข้างมากๆ จนไม่มีเวลาซักนิดจะคิดถึงใคร วันนึงก็จะไม่มีใครทนใครได้
" do you mean me?

สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์