วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ต้มยำกุ้ง ๑๐ ปี

เมื่อวานฟังวิทยุตอนเช้า เขาพูดถึงประโยคทองของคุณสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ตอนสมัยฟองสบู่แตกใหม่ๆ แล้วก็มีหนี้ท่วมตัว ที่บอกว่า “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” เราก็ไม่ทันได้คิดอะไร พอกลับบ้านไปอ่านไทยรัฐ ถึงได้รู้ว่า เมื่อวานเป็นวันครบรอบ ๑๐ ที่รัฐบาลบิ๊กจิ๋วประกาศลอยตัวค่าเงินบาท

ไม่น่าเชื่อเลยว่าผ่านมาแล้ว ๑๐ ปี...

ที่น่าประหลาดใจก็คือ เมื่อวานเป็นวันที่ตลาดหุ้นปิดตัวในระดับเกือบ ๘๐๐ จุด สูงที่สุดในรอบ ๑ ปี ๑ เดือนที่ผ่านมา

เราจำเหตุการณ์ตอนฟองสบู่แตกไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยรู้สึกว่ามีผลกระทบกับเรามากนัก (คงเพราะยังเด็ก เพิ่งเรียนจบ ทำงานใหม่ๆ) ที่เท่าที่จำได้ก็คือ เงินเดือนไม่ขึ้นอยู่ ๓ ปี แต่การงานเราก็มั่นคงดี ถึงแม้จะต้องระเห็ดไปเป็นกะเหรี่ยงขายแรงงานอยู่ต่างชาติถึง ๑๘ เดือน

ไม่น่าเชื่อเลยว่าผ่านมาแล้ว ๑๐ ปี...

ในไทยรัฐเขาสรุปเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตอนนั้นให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นความอู้ฟู่ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โครงการที่มีแค่กระดาษร่างแบบ ก็ขายเป็นเทน้ำเทท่า ที่ดินบูมขนาดซื้อมาวันนี้ พรุ่งนี้ก็ขายได้กำไรเป็นแสนๆ ตลาดหุ้นรุ่งโรจน์ดัชนีอยู่ในระดับพันกว่าจุด

แล้วพอฟองสบู่แตกก็สิ้นเนื้อประดาตัวกันหมด ค่าเงินบาทอ่อนไปถึง ๕๐ กว่าบาท คนที่เคยมีโครงการเป็นร้อยๆ พันๆ ล้าน แต่เป็นเงินที่กู้มาจากต่างชาติ เพียงข้ามคืนหนี้บานเป็นพันๆ หมื่นๆ ล้าน (วันก่อนไปรพ.กรุงเทพ ยังเจอคุณศิริวัฒน์ อดีตเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์และเหยื่อ “ต้มยำกุ้ง” ที่สุดท้ายต้องไปขายแซนด์วิชช์ จนในปัจจุบันก็รู้สึกจะปลดหนี้ได้เกือบหมดแล้ว)

ตลาดหุ้นรูดจากพันกว่าจุดลงไปสองร้อยกว่า คนที่เคยรวยอู้ฟู่จากหุ้น เหลือแค่ใบหุ้นที่มีค่าเท่ากับเศษกระดาษ ธนาคารหลายๆ ธนาคารต้องปิดตัว อีกหลายธนาคารพยายามเอาตัวรอดด้วยการขายหุ้นให้ต่างชาติ หรือควบรวมกิจการกัน

เจ้าของธุรกิจหลายๆ คนต้องปิดกิจการ บางคนก็ต้องขายหุ้นให้กับคนอื่น บางคนก็สู้ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี (เช่น คุณสวัสดิ์ ที่ว่าไป ถึงจะบอกว่า “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” แต่ก็เจรจากับเจ้าหนี้ทุกราย ตัดสินใจขายกิจการบางส่วน และพยายามค่อยๆ ใช้หนี้ไป จนปัจจุบันก็หมดแล้ว หรืออย่างคุณบุญชัย เบญจรงคกุล เจ้าของยูคอม หรือกระทั่งกิจการของเจ้าสัวใหญ่ระดับอินเตอร์อย่างเครือซีพี) แต่บางรายก็ตัดสินใจหนีหนี้หรือล้มบนฟูก ปล่อยให้หนี้ตัวเองกลายเป็นหนี้เน่าที่รัฐต้องเข้าไปรับภาระ

ไม่น่าเชื่อเลยว่าผ่านมาแล้ว ๑๐ ปี...

ตอนกลางคืนเราฟังวิเคราะห์ ว่าตอนนี้เศรษฐกิจเมืองไทยก็ดูท่าจะสดใส แต่บางคนก็เป็นกังวลว่า จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว มีคนไปสัมภาษณ์คุณสวัสดิ์ว่ามีความเห็นว่าอย่างไร คุณสวัสดิ์บอกว่า คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้ว เพราะระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของไทย ไม่ได้เป็นแบบสมัยก่อน การโจมตีค่าเงินบาทจะไม่ง่ายเหมือนสมัยโน้นแล้ว

นักธุรกิจตอนนี้ก็ได้บทเรียนจากคราวนั้นและมีความระมัดระวังรอบคอบในการทำธุรกิจกันมากขึ้น รู้จักการวางแผนประกันความเสี่ยงต่างๆ กันมากขึ้น คุณสวัสดิ์บอกว่า คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกับเมื่อปี ๒๕๔๐ ในช่วงชีวิตของคุณสวัสดิ์ “เพราะคนเราตายหนเดียวก็เกินพอแล้ว”

ไม่มีความคิดเห็น:

สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์