วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ไทยรัฐกับ CSR

สองสามวันนี้เห็นคอลัมนิสต์ในไทยรัฐพร้อมใจกันพูดถึงคุณกำพล วัชรพลกับโรงเรียนไทยรัฐวิทยา เราอ่านคร่าวๆ ก็เป็นการชื่นชมความดีของคุณกำพลที่คืนกำไรสู่สังคมด้วยการสร้างโรงเรียนไทยรัฐวิทยาตั้ง ๗๐ กว่าโรงทั่วประเทศ รวมทั้งให้ทุนการศึกษากับเด็กนักเรียนยากจน เขาบอกว่านับเป็น CSR โครงการแรกๆ ของเมืองไทยเลยเชียว

CSR คือ Corporate Social Responsibility หรือการแสดงความรับผิดชอบขององค์กรต่อสังคม ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นกระแสที่องค์กรใหญ่ๆ กำลังพยายามทำกันอยู่ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจดีต่อสังคมจริงๆ หรือจะเพราะโดนกดดันจากสังคม หรือจะต้องการสร้างภาพก็ตามที

เราก็ชื่นชมกับเรื่องสร้างโรงเรียน เรื่องให้ทุนการศึกษากับเด็กยากจนะ แต่ถ้าคนของไทยรัฐจะคิดถึงสังคมกันจริงๆ น่าจะทำหน้าที่สื่อมวลชนที่มีความรับผิดชอบ ที่ช่วยกันนำพาสังคมไปในทางที่ถูกที่ควรด้วย

การเป็นหนังสือพิมพ์ที่มียอดขายสูงที่สุดในประเทศไทยติดต่อกันยาวนาน ย่อมมีอิทธิพลอย่างล้นเหลือ สามารถชี้นำมวลชนได้ การทำธุรกิจก็ต้องหวังกำไร ต้องนำเสนอเรื่องที่ “ตลาด” สนใจ แต่เราว่าทุกวันนี้ไทยรัฐก็ตลาดเกินไป เสนอแต่ข่าวที่คิดว่าจะขายได้อย่างเดียว ที่สร้างสรรค์จรรโลงใจมีน้อย

เราเคยได้ยินคนที่ไปทำงานวิจัยที่เยอรมันอยู่ห้าหกเดือน เขาเล่าว่าชอบหนังสือพิมพ์สื่อมวลชนที่เยอรมัน เพราะไม่มีอาชญากรรมเยอะแยะ ไม่มีภาพน่าหวาดเสียว มีแต่ข่าวดีๆ อย่างตอนนี้สามารถปรับปรุงรถไฟให้วิ่งได้เร็วขึ้นไปอีกเท่านั้นเท่านี้กม.ต่อชั่วโมง บางคนอาจจะเถียงว่า ก็เมืองไทยมันมีแต่ข่าวแย่ๆ ข่าวร้ายๆ แต่เราก็ยังเชื่อว่าสื่อมวลชนสามารถนำเสนอในมุมมองที่สร้างสรรค์และมีประโยชน์ได้

เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องนำเสนอเลย เพราะนอกจากไม่มีประโยชน์ แล้วยังสร้างค่านิยมไปในทางที่ผิด (เช่น ข่าวฉาวของดารา รูปเกือบเปลือยของดาราทุกวันอาทิตย์ ฯลฯ) จะบอกว่าคนชอบดู คนอยากรู้ก็เลยนำเสนอ เราว่ามันง่ายเกินไป ปัดความรับผิดชอบเกินไป

ยกตัวอย่างง่ายๆ ลูกเรามันไม่ชอบไปโรงเรียน มันชอบอยู่บ้าน นอนอ่านการ์ตูน เล่นเกม คุยโทรศัพท์กับเพื่อนทั้งวัน เราจะปล่อยให้มันทำเรื่องที่มันชอบ หรือจะบังคับให้มันทำเรื่องที่เหมาะที่ควร?

สไปเดอร์แมนเขาบอกว่า “With Great Power, Comes Great Responsibility” ไทยรัฐมีอำนาจเยอะ มีอิทธิพลเยอะ ก็มีความรับผิดชอบเยอะด้วย

เราว่าถ้าไทยรัฐอยากจะทำ CSR อยากจะคืนกำไรให้กับสังคม ก็แค่ช่วยปรับเปลี่ยนแนวการนำเสนอข่าว ลองทำหนังสือพิมพ์ที่พ่อแม่ไม่รู้สึกลำบากใจที่จะให้ลูกอ่าน ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะกลายเป็นคนชินชากับความรุนแรง ไม่สร้างค่านิยมผิดๆ ให้กับคนในสังคม แค่นี้สามารถให้ของขวัญให้คนไทย โดยไม่ต้องเสียเงินซักบาท

9 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เอาน่า ... สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกาม เฮ้ย กรรม ครับ ไม่เครียด ไม่เครียด ถ้าไม่อยากอ่านไทยรัฐ ลองอ่านบิสสิเนสวีค ไทยแลนด์สิครับ เอิ๊กกกก....

(เล่นกันดื้อๆอย่างนี้แหละ)

nitbert กล่าวว่า...

ไม่ได้เครียดนะ แค่ “หุดหิด” เฉยๆ -_-'

ไม่อ่านไทยรัฐไม่ได้หรอก เพราะเดี๋ยวไม่รู้จะเขียนด่าอะไรดี (ไม่ฮา)

ว่าแต่บิสสิเนสวีคไทยแลนด์เขาจะเปิดรับสมัครสมาชิกฉบับเว้นฉบับหรือยังละเนี่ย (เอิ๊กกก...)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แต่ก็จริงนะครับ ถ้าสื่อเสนอสื่อที่สร้างสรรค์ จะชักนำคนไทยไปอีกทางหนึ่งก็ได้

mama aiko กล่าวว่า...

ส่งไปหาคุณแจ๋วริมจอหน่อยสิ เรื่องนี้น่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ลุงของสไปเดอร์แมนเป็นคนพูด :D

nitbert กล่าวว่า...

ตั้งใจจะหมายความว่า ในหนังสไปเดอร์แมน น่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เราว่าไทยรัฐทำดีกว่าเยอะมาก หากเปรียบเทียบกับบิสสิเนสวีค ไทยแลนด์

แม๊กกาซีนเล่มดังกล่าวต้นทุนก็สูง แต่คุณค่าของหนังสือและไอเดียในเนื้อหา แม่งเทียบได้เท่ากับหนังสือเรียนเด็กประถมเลยว่ะ

อิอิอิ ขำก๊าก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จะเทียบได้งัย ในเมื่อเค้าเป็นบิสสิเนส มั๊นธ์ (BusinessMonth Thailand)

nitbert กล่าวว่า...

เอ่อ... คุณ Anonymous ๒ คนข้างบนอ่ะ
แน่จริงไปเถียงกันตัวต่อตัว (ที่บ้านคนอื่น) เลยเซ่ แหม... 5555
หรือไม่งั้น จะคุยอะไรยังไงก็ให้คนอื่นๆ เขาเข้าใจมั่งสิ เล่นใส่รหัสลับ แถมปิดหน้าปิดตามาอีกตะหาก... เอิ๊กกกกก

สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์