ตอนนี้ใกล้ปีใหม่ คนใช้รถใช้ถนนกันเยอะ ทั้งขับกลับบ้านต่างจังหวัด ขับไปเที่ยว เขาก็ออกมารณรงค์ลดอุบัติเหตุ (แบบไฟไหม้ฟาง?) กันอีกแล้ว
ตอนนี้การรณรงค์ “เมาไม่ขับ” ค่อนข้างจะติดหูคนทั่วไป แต่ในทางปฏิบัติเราว่าไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เพราะพวกที่ดื่มเหล้าส่วนใหญ่ ไม่เห็นมีใครยอมรับว่าเมากันซักคน
ในโฆษณาทางวิทยุที่บอกว่า กินเหล้าไปแก้วหนึ่ง พวงมาลัยจะเล็กลง กินอีกแก้วคันเร่งจะจม กินอีกแก้วเบรคจะลึก กินอีกแก้วกระจกจะฝ้า กินอีกแก้วกระโปรงหน้ารถจะยุบเข้ามา แล้วไปจบที่โรงพยาบาล ฯลฯ อันนั้นน่ะของจริง
แต่คนกินเหล้า พอเหล้าเข้าปากแล้วก็จำกันไม่ได้ว่ากินไปแล้วกี่แก้ว ตอนกินไปก็รู้สึกว่าแค่กรึ่มๆ ยางม่ายมาววว...กันทั้งนั้น แต่ไอ้อาการกรึ่มๆ นี่แหละที่ทำให้คนประมาทจนเกิดอุบัติเหตุมานักต่อนักแล้ว เราว่าถ้าไม่อยากจะสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและคนอื่น ท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า “ดื่มไม่ขับ” ดีกว่านะ
นอกจากดื่มไม่ขับแล้ว สำหรับคนไม่ดื่ม เราขอนำเสนอ “ง่วงไม่ขับ” เพราะจริงๆ แล้วอาการง่วงจนหลับในระหว่างขับรถนี่มันอันตรายสุดๆ เหมือนกัน เราเคยมีประสบการณ์แล้วขอบอกว่าน่าหวาดเสียวมากกกก
กำลังขับรถอยู่แล้ววูบไปประมาณ ๑-๒ วินาที สะดุ้งขึ้นมาแล้วเห็นรถเฉออกไปข้างๆ โชคดีที่เป็นถนนไม่มีรถสวนและกว้างหลายเลน เลยไม่ไปเฉี่ยวชนกับใครหรืออะไรเข้า แต่ใครจะรู้ว่าโชคดีจะอยู่กับเราไปอีกนานเท่าไร ถ้ามีรถคันอื่นอยู่ข้างๆ มีรถตัดหน้า ฯลฯ เฮ้อออ... ไม่อยากจะคิด
ถ้าจะต้องขับรถไกลๆ แล้วง่วงนอน ควรจะหาที่จอดรถนอนพักซักงีบก่อน แต่ถ้าไปคนเดียว จอดนอนพักไม่สะดวก กลัวมิจฉาชีพ อย่างน้อยก็ควรจอดตามปั๊ม ลงไปยืดเส้นยืดสาย ล้างหน้าล้างตาซะหน่อย แล้วค่อยไปต่อ
อีกวิธีหนึ่งที่เราใช้สู้อาการง่วงได้แล้วค่อนข้างเวิร์ก คือ หาคนคุยด้วย (มีคนบอกว่าเปิดเพลงดังๆ ก็ช่วยได้ แต่เรารู้สึกว่าไม่ค่อยเวิร์กเท่าไหร่) ถ้าไม่มีคนนั่งไปด้วย ก็ใช้โทรศัพท์ให้เป็นประโยชน์ โทรหาคนอื่น คุยเป็นเพื่อนๆ กันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายง่วง (แต่อาจจะไปขัดกับอีกเรื่องหนึ่งที่เขารณรงค์กันคือ “โทรไม่ขับ” เอาเป็นว่าถ้าจะโทรแก้ง่วง กรุณาใช้อุปกรณ์ Hand-free ด้วย)
เรานึกว่าน่าจะมีแค่ “ดื่ม” กับ “ง่วง” (และ “โทร”) ที่ต้องรณรงค์ไม่ให้ขับรถ แต่วันก่อนไปอ่านเจอในรีดเดอร์ไดเจสต์ เลยได้เพิ่มมาอีกข้อหนึ่ง คือ “จามไม่ขับ” เพราะเขาบอกว่า เวลาที่เราจาม ปฏิกริยาอัตโนมัติระหว่างจามคือหลับตา
ในการจามตาเราจะหลับไปประมาณ ๑-๒ วินาที ซึ่งในเวลาเท่านี้ก็นานพอๆ กับหลับใน และพอที่จะเกิดอุบัติเหตุแล้ว เพราะเวลาเราขับรถที่ความเร็ว ๙๐ กม.ต่อชั่วโมง เวลา ๒ วินาทีที่เราจามและหลับตาอยู่ รถเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ๕๐ เมตร
เขาเตือนว่า ถ้าเป็นหวัดจามบ่อยๆ หรือมีอาการแพ้อากาศ ให้เตรียมกระดาษทิชชู่ไว้ใกล้มือ และถ้าเริ่มมีอาการฟุดๆ ฟิดๆ ให้ลดความเร็วลง ขับชิดซ้าย จะปลอดภัยกว่า...
ทั้งหมดนี้ เราขอรณรงค์ให้ตระหนักกันไว้ทุกครั้งที่จะขับรถ ขอให้ทำกันไปตลอดปี ไม่ใช่แค่ช่วง ๗ วันอันตราย ๑๐ วันตายหมดอย่างที่ฮิตๆ กัน!!!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความต่าง ๆ ในบล็อก If we don't care, who will? โดย nitbert อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
5 ความคิดเห็น:
ตอนอยู่ที่โน้นช่วงแพ้อากาศไม่อยากขับรถไปเรียนเลย แต่กลัวโดน advisor ด่า ขับไปก็เฉียวไปหลายที
>>ขับไปก็เฉียวไปหลายที
เฉี่ยว เหรอ?? เฉี่ยวกับอะไร
เฉียวขอบถนนไง
ปีนี้ตั้งเป้าคนตายสี่ร้อยกว่าๆ นี่แค่ปีใหม่งานเดียวนะ รอรวมกับสงกรานต์อีกงาน เท่ากับว่าปีปีนึงคนไทยตายจาก ๒ เทศกาลนี้มากกว่าทหารอเมริกันไปรบที่อิรักอีก ไม่ฮิ้ว...
ตั้งเป้าแบบนี้เขาเรียกว่า ตั้งเป็นธรรมเนียม... ถ้าจะให้ดีจริงต้องตั้งเป้าว่าไม่ให้มีคนตายจากอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล... แต่สงสัยว่าต้องอีกกี่ชาติถึงจะทำสำเร็จตามเป้าก็ไม่รู้... -_-'
แสดงความคิดเห็น