วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2550

บริจาคโลหิต ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์

วันนี้ที่บริษัทเรามีรถมารับบริจาคเลือด คนในบริษัทก็ไปบริจาคกันพอประมาณ รวมกับคนบริษัทอื่นๆ ในตึกเห็นว่าได้ไปประมาณร้อยห้าสิบถุง เราอยากบริจาคมาก แต่เขาไม่รับบริจาค เพราะเรากินยาฆ่าเชื้ออยู่ เสียดายอยู่เหมือนกัน

ตอนเย็นเราขับรถกลับบ้านฟังข่าวเขาบอกว่ารพ.มหาราชนครเชียงใหม่ขาดแคลนเลือดอย่างหนักจนต้องเลื่อนผ่าตัดคนไข้ไป ๔๐ กว่ารายเพราะไม่มีเลือด รพ.ต้องรับคนไข้จากจังหวัดในภาคเหนือ แต่คนบริจาคเลือดส่วนใหญ่จำกัดอยู่แต่ในจังหวัดเชียงใหม่กับญาติผู้ป่วยที่บริจาคเติมส่วนที่ใช้ เขาก็เลยต้องประกาศเชิญชวนคนภาคเหนือไปบริจาคเลือด

ความจริงปีนี้เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา เราได้ยินว่าสภากาชาดไทยพยายามให้คนบริจาคเลือดให้ได้ ๘๐ ล้านซีซี เป็นการชวนคนไทยทำความดีเพื่อถวายในหลวง เลือด ๑ ถุงรู้สึกจะ ๔๐๐ ซีซี ๘๐ ล้านซีซี ก็คือ ๒ แสนถุง นั่นคือสภากาชาดต้องการรับบริจาคเลือดประมาณ ๑ หมื่น ๖ พันถุงต่อเดือนหรือ ๖๕๐ ถุงต่อวัน

แต่ที่เราอ่านเจอจากคนที่เคยไปช่วยที่สภากาชาดเขาบอกว่า สภากาชาดต้องการเลือดประมาณวันละ ๑,๕๐๐ ถุงสำหรับใช้ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และแจกจ่ายให้ต่างจังหวัดถ้ากาชาดจังหวัดนั้นๆ มีเลือดไม่พอ ส่วนใหญ่สภากาชาดได้รับบริจาคเลือดไม่พอ ตลอดปีมีแค่ ๔ เดือนที่ได้รับบริจาคเลือดได้เตามเป้าหมาย คือเดือนกรกฎาคม สิงหาคม พฤศจิกายน และธันวาคม (สังเกตว่าเป็นช่วงวันแม่-วันพ่อ จนเจ้าหน้าที่อยากจะให้ทุกวันเป็นวันพ่อ-วันแม่ คนจะได้มาบริจาคเลือดกันเยอะๆ)

ตั้งแต่เกิดสึนามิและเหตุการณ์ไม่สงบในภาคใต้ ปัญหาการขาดแคลนเลือดก็ยิ่งวิกฤตหนัก วันนี้เราเลยมาเชิญชวนกันไปบริจาคเลือดสร้างกุศล คนที่เคยบริจาคแล้ว ถ้าไม่ได้บริจาคมานาน หรือครบกำหนด ๓ เดือนแล้ว ก็หาเวลาไปช่วยกันบริจาคหน่อย

คนที่ไม่เคยบริจาคมาก่อน ก็ไม่ต้องกลัวเข็ม (เราก็กลัวเข็ม เวลาเขาจะเจาะก็ไม่ต้องดู จะได้ไม่เสียว) ไม่ต้องกลัวเจ็บ (จะบอกว่าไม่เจ็บก็โกหก เจ็บเท่าๆ กับโดนหยิกอ่ะ ทนได้) ไม่ต้องกลัวติดเชื้อ (เข็มเขาใช้ครั้งเดียวทิ้ง) ไม่ต้องกลัวเลือดหมด ไม่ต้องกลัวอ้วน

นอกจากบริจาคเลือด ได้ช่วยคน เป็นกุศล ยังมีประโยชน์อื่นอีกด้วย เพราะเราอ่านจากบล็อกแก็งค์ เขาบอกว่าคนที่บริจาคเลือดเกิน ๒๔ ครั้งจะได้สิทธิ์รักษาพยาบาลเหมือนกับข้าราชการคนหนึ่ง เขาเล่าว่ารุ่นพี่เขาต้องผ่าตัดเพราะลิ้นหัวใจรั่วที่รพ.จุฬาฯ ค่าใช้จ่ายปกติแสนกว่าบาท แต่เพราะเป็นผู้บริจาคเลือด จ่ายเงินไปแค่ ๙,๘๐๐ บาท

เราเพิ่งดูบัตรรับบริจาคเลือดของเรา ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วเป็นครั้งที่ ๒๕ (อย่าตกใจว่าทำไมเยอะ เพราะจะตกใจกว่าถ้ารู้ว่าเราเริ่มบริจาคเลือดครั้งแรกเมื่อ ๑๘ ๑๕ ปีที่แล้ว และเลือดเราเคยโกอินเตอร์ด้วย) ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แต่ถ้าเรามีกรรมเก่า เกิดป่วยขึ้นมาจริงๆ การบริจาคเลือดก็อาจจะตอบแทนทันใจแบบบุญออนไลน์ได้เหมือนกัน

คนที่จะไปบริจาคเลือดดูข้อมูลการบริจาคและสถานที่รับบริจาคได้ที่นี่ ถ้าจะไปบริจาคที่สภากาชาดที่ถนนอังรีดูนังต์ เราแนะนำให้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะบริจาคสเต็มเซลล์ไปด้วยเลย เขาจะได้เก็บตัวอย่างสเต็มเซลล์ไปด้วย (รถรับบริจาคเคลื่อนที่ไม่มีชุดเก็บตัวอย่างสเต็มเซลล์)

ตัวอย่างสเต็มเซลล์เก็บแค่ครั้งเดียว (ทำไปพร้อมๆ กับบริจาคเลือดธรรมดา แต่เขาจะเก็บเลือดเพิ่มอีก ๑ หลอด) เพื่อเอาไปเก็บในฐานข้อมูล เอาไว้ไปตรวจสอบกับคนที่ป่วยเป็นโรคเลือดต่างๆ ที่ต้องการสเต็มเซลล์ที่ตรงกันกับเรา ซึ่งมีโอกาสตรงกันน้อยมาก ถ้าเราฟลุคมีสเต็มเซลล์ตรงกับคนที่กำลังต้องการบริจาค สภากาชาดจะติดต่อให้เราไปบริจาคให้ทีหลัง ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นกุศลที่สูงขึ้นไปอีก ประมาณเดียวกับถูกล็อตเตอร์รี่เลยเชียวหละ

5 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

บริจากครั้งแรกเมื่อ ๑๘ ปีที่แล้ว โอ้ววว...ตอนนั้นอายุเท่าไหร่นั่น

nitbert กล่าวว่า...

อ่ะแฮ่ม คุณ mymoney กะให้ตกใจเรื่องจำนวนครั้งกับจำนวนปีที่บริจาคเลือด คุณดันไปตกใจอายุตอนที่เริ่มบริจาคซะได้!!!

อืมม์ พอโดนทัก ก็ชักไม่แน่ใจความจำตัวเอง หรือว่าเราเริ่มบริจาคครั้งแรกเมื่อ ๑๗ ปีที่แล้ว? (ฮา!)

ปล. คุณ mymoney ถามคำถามแบบนี้ "คนแถวเกษตร" ไม่ยอมตอบหรอกค่ะ :)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ว้า...รู้ทันซะนี่

nitbert กล่าวว่า...

ในที่สุดก็ไปค้นบัตรบริจาคเลือดใบแรกจนเจอ บริจาคเลือดครั้งแรก ๒๔ พ.ย. ๒๕๓๕ เกือบๆ ๑๕ ปีที่แล้ว... ส่วนตอนนั้นอายุเท่าไร ขอละไว้ฐานเข้าใจเหมือนเดิม ^_^

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอเชิญร่วมกรอกข้อมูลหมู่เลือดที่นี่ค่ะ

http://thaiblooddatabase.blogspot.com

TBD Team

สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์