วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เวลาของผู้ซื้อ

ไทม์ฉบับล่าสุดมีบทความเรื่องวิธีรัดเข็มขัดสู้เศรษฐกิจ เขาบอกว่าในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจแบบนี้ ใคร ๆ ก็หันมาต่อรองราคากันหมด ไม่ต้องสนใจแล้วว่าจะเป็นร้านค้าอะไร ใหญ่เล็กแค่ไหน ขอให้กล้าต่อรองหรือเรียกร้องเข้าไว้ คนขายกำลังจนตรอกก็ยอมในเรื่องที่ไม่เคยยอม

เขายกตัวอย่างคนที่เข้าไปซื้อของแล้วได้ลดราคาเพราะกล้าต่อรองราคา มีตั้งแต่เครื่องตัดหญ้า รองเท้าผ้าใบ นาฬิกาแบบสปอร์ต เครื่องประดับ ไปจนถึงของกิน

คนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยต่อรองราคาอาจจะรู้สึกขัดเขินหรือไม่กล้า แต่พอได้ลองดูแล้วก็จะรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร และแถมออกจะรู้สึกว่าน่าสนุกด้วยซ้ำ (ก็ประหยัดเงินได้นี่นา)

สำหรับมือใหม่หัดต่อฯ ไทม์มี instruction ให้ด้วย คือให้พิมพ์โฆษณาของชนิดเดียวกันที่ร้านอื่นหรือในอินเทอร์เน็ตขายถูกกว่า แล้วเอาไปโชว์ให้ที่ร้านที่เราจะซื้อ ขอให้เขาขายในราคาเดียวกัน ถ้าพนักงานขายไม่ยอมหรือไม่สนใจ ให้ขอคุยกับผู้จัดการ ส่วนใหญ่ผู้จัดการจะมีอำนาจตัดสินใจมากกว่า และมักจะยอมลดราคาให้ลูกค้า ถ้าเห็นว่าลูกค้าตั้งใจจะซื้อของแน่ ๆ แต่พร้อมที่จะเดินออกไปซื้อร้านอื่น

วิธีที่เขาแนะนำ ไม่รู้ว่าเอามาใช้ที่เมืองไทยจะเวิร์คหรือเปล่า แต่เท่าที่เราสังเกตเห็น คนที่มีกำลังซื้อในเมืองไทยตอนนี้ ทั้งสินค้าและบริการ มีโปรโมชั่นลดราคา มีของแถม ออกมาเรื่อย ๆ ถึงต่อรองไม่เก่งแต่ถ้ารอจังหวะดี ๆ ก็จะได้ของที่คุ้มราคากว่าตอนเศรษฐกิจดี ๆ เยอะเลย

หลังจากอ่านบทความในไทม์ไป วันนี้น้องที่ออฟฟิศเพิ่งได้ลูกสาว เราก็เลยไปซื้อพระเล็ก ๆ ให้เป็นของขวัญ เราเคยไปซื้อที่ร้านนี้หลายครั้งแล้ว ไม่เคยต่อรองราคา เขาบอกราคามาเท่าไหร่ เราก็แค่ถาม (พอเป็นธรรมเนียม) ว่าลดราคาได้ไหม เขาก็จะลดเศษให้ (พอเป็นธรรมเนียมเช่นกัน) ก็เป็นการปิดการขาย

วันนี้เรานึกยังไงไม่รู้ พอเขาลดเศษให้ (ตามธรรมเนียม) เราถามว่าลดอีกไม่ได้เหรอ เขาก็เฉย ๆ เราก็เลยลองต่อราคาดู ทั้งที่ใจก็คิดว่า ถึงไม่ลดราคาให้เราก็ซื้ออยู่ดี ปรากฏว่าผิดคาด คือเขายอมลดราคาให้ (แต่พนักงานแปลกมากเลย พอเขายอมลดราคาให้เรา สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นอารมณ์เสียทันที แถมไม่ยอมเอาถุงให้เราด้วย งงจริง ๆ)

สรุปว่า เป็นแบบที่ในไทม์บอก คือ ในจังหวะนี้ การต่อรองราคาไม่ใช่เรื่องของโชค บางทีแค่เอ่ยปากก็สำเร็จแล้ว... (คนไม่มีทักษะในการต่อรองราคาอย่างเรายังทำได้เลย ฮ่า ๆ )

2 ความคิดเห็น:

mama aiko กล่าวว่า...

แล้วที่ได้ลดราคาคุ้มค่ากับที่เขาหน้าหงิกใส่หรือเปล่า :)

nitbert กล่าวว่า...

สำหรับคนไร้ทักษะการต่อราคาอย่างเรา เท่าไหร่ก็คุ้ม เพราะไม่ได้คิดว่าจะได้ลดราคาอยู่แล้ว แต่กับคนขายสิ ลมเสียขนาดนั้น ไม่รู้ว่าคุ้มค่าคอมฯ หรือเปล่า (มีค่าคอมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าไม่มี ยิ่งขาดทุนใหญ่เลยเนอะ ฮ่า ๆๆ)

สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์