วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2552

เรียนรู้เพิ่มทุกวัน กับการใช้แม็ค

คีย์บอร์ดบนแม็คไม่เหมือนบน PC

๑. ไม่มีปุ่ม Page up, Page down, Home, End
ใช้ ปุ่ม Apple + ลูกศรขึ้น กับ Apple + ลูกศรลง แทน Page up, Page down
ใช้ ปุ่ม Apple + ลูกศรซ้าย กับ Apple + ลูกศรขวา แทน Home, End (หรือจะใช้ ปุ่ม Option + ลูกศรขึ้น กับ Apple + ลูกศรลง ก็ได้เหมือนกัน)

๒. สลับภาษาไทยอังกฤษ
กดปุ่ม Apple + Space bar

๓. ปุ่ม Control แทนด้วย ปุ่ม Apple เวลาจะ Copy, Paste, Cut, Undo, Select All
Apple + C = Copy
Apple + V = Paste
Apple + X = Cut
Apple + Z = Undo
Apple + A = Select All

๔. ปุ่ม Delete
ปุ่ม Delete บนแม็ค ทำงานเหมือนปุ่ม backspace บน PC (คือกดเพื่อลบตัวหนังสือตัวที่อยู่หน้า Cursor) ถ้าจะลบตัวหนังสือที่อยู่หลัง Cursor (เหมือนเวลากดปุ่ม Delete บน PC) ต้องกด Fn+Delete

ฟังก์ชั่นบน OSX - สลับระหว่าง Spaces
ใช้ปุ่ม Control + ลูกศร หรือ Control + หมายเลข Space

Safari Beta 4

ใช้ Safari Beta 4 กับฮ็อทเมลไม่ได้ เพราะคลิกลิงก์แล้วมันไม่ไป ฮ็อทเมลอธิบายว่า ใช้ไม่ได้ เพราะไม่ support browser ที่ยังเป็น Beta อยู่ ในระหว่างนี้มีวิธีแก้ไขชั่วคราวโดยเข้าไปเซ็ท Safari Preference

โดยไปที่ Safari>Preferences>Advanced Tab> ติ๊กช่อง Show Develop in menu bar

ทีนี้ที่เมนู จะมีเมนู Develop เพิ่มขึ้นมาระหว่าง Bookmarks กับ Window เวลาที่ใช้ฮ็อทเมล ก็ให้เซ็ท User Agent

โดยไปที่ Develop>User Agent>Firefox 3.5.0 (Mac) หรือ Firefox เวอร์ชั่นอื่น ๆ ที่มีอยู่ในลิสต์

คิดว่า วิธีนี้น่าจะใช้แก้ปัญหากับบางเว็บไซท์อื่น ๆ ที่ปัญหาเวลาเปิดด้วย Safari Beta 4 ได้ด้วย (เช่น scbeasy)

อาการแปลก ๆ แต่ก็ไม่แปลก

เวลาเสียบสายไฟไว้ ชาร์จแบตจนเต็มแล้ว (ไฟที่สายชาร์จเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว) แต่สัญลักษณ์แบตเตอร์รี่บนเมนูขึ้นว่ามีแบตแค่ ๙๘% (หรือเปอร์เซ็นต์อื่น ๆ ที่ไม่เต็ม ๑๐๐%) เขาอธิบายว่า เป็นระบบป้องกันไม่ให้แบตเตอร์รี่ถูกชาร์จมากเกินไป (โอเวอร์ชาร์จแบตเตอร์รี่) แค่ถอดสายไฟออก แล้วใช้ให้แบตเหลือต่ำกว่า ๙๕% แล้วชาร์จใหม่ ก็จะชาร์จได้เต็ม ๑๐๐% แต่รู้สึกว่าใช้ไป ๆ ก็จะลดลงมาอีก เพราะฉะนั้นคาดว่าไม่ต้องสนใจมันก็ได้ ปล่อยให้มันต่ำกว่า ๑๐๐% ก็ไม่่น่าจะเป็นอะไร

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2552

จีดีพีลด ๓%

ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๒ มานี่ ยังไม่ได้ยินข่าวดีเรื่องเศรษฐกิจเลย มีแต่ข่าวลดเงินเดือน ลดโบนัส ลดคนงาน หรือกระทั่งปิดกิจการ ทุกประเทศต่างก็ออกมาตรการต่าง ๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจกันยกใหญ่ จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เราไม่มีความรู้จะไปตัดสินอะไรได้ ได้แต่ฟัง ๆ ไปงั้น พวกตัวเลขเศรษฐกิจอะไรก็ไม่เข้าใจ

นักวิเคราะห์เขาออกมาบอกเศรษฐกิจจะหดตัว เพราะธุรกิจหรืออุตสาหกรรมภาคโน้นภาคนี้ หดตัวเท่านั้นเท่านี้ ในขณะที่รัฐมนตรีคลังพยายามทำใจดีสู้เสือ (หรือว่าไม่ยอมรับความจริง?) ประกาศโต้นักวิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะไม่หดตัว แต่จะโตน้อย ๆ ตัวเลขเศรษฐกิจไม่ติดลบ แต่วันนี้ฟังข่าว เห็นว่ารมต.ออกมายอมรับแล้วว่าปีนี้จีดีพีจะลด ๓%

เห็นนักวิเคราะห์พูดเรื่องหดเรื่องขยายกันมาหลายเดือนแล้ว เราเลยลองวิเคราะห์ เศรษฐกิจส่วนตัว ของเราดูมั่งดีกว่า ย้อนกลับไปดูรายได้ปีที่ผ่าน ๆ มาว่าเป็นไง คิดเฉพาะรายได้ที่เป็นเงินเดือน-โอเวอร์ไทม์-โบนัส ปรากฏว่า รายได้ปี ๕๐ เพิ่มขึ้น ๙% จากปี ๔๙ รายได้ของปี ๕๑ เพิ่มขึ้น ๑๐% จากปี ๕๐

แต่รายได้ของปี ๕๒ จะลดลง ๙% จากปี ๕๑ อันนี้เป็นการประเมินล่วงหน้าจากเงินเดือนปัจจุบันซึ่งปีนี้ไม่ได้เงินเดือนขึ้น (เขาไม่ลดเงินเดือนก็ดีเท่าไหร่แล้ว!) โบนัสก้อนกะจิ๊ดริด (มีโบนัสก็ดีแล้ว) และนโยบายปลอดโอเวอร์ไทม์ (เขาไม่ลดชั่วโมงทำงานหรือบังคับลาพักร้อนก็ดีเท่าไหร่แล้ว)

ขนาดตัวเราเงินเดือนเท่าเดิม รายได้ยังลดไปตั้ง ๙% ก่อนหน้านี้บริษัทของเพื่อนเราประกาศลดเงินเดือนพนักงาน ๑๐% (อย่างต่ำ) นั่นไม่ยิ่งทำให้รายได้ลดไปมากกว่า ๑๐% หรอกเหรอ แล้วยังไหนจะมีอีกหลาย ๆ บริษัทที่ปิดกิจการ ทำให้พนักงานไม่มีรายได้เลยอีกเท่าไหร่ ตัวเลขจีดีพีที่บอกว่าจะลดลง ๓% ฟังแล้วไม่ make sense เลยแฮะ

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2552

Time vs. Money

อาทิตย์ก่อนเราไปประชุมที่กับ Vendor ที่เมืองจีน ประชุมเสร็จ Vendor พาไปเลี้ยงข้าวเย็น ก่อนจะให้รถไปส่งที่โรงแรมซึ่งอยู่อีกเมืองหนึ่งเพื่อขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยเช้าวันรุ่งขึ้น คราวนี้ไปกันหลายคน ก็เลยมีรถ ๒ คัน รถที่เรานั่งมี Project Manager กับ Owner's Engineer เป็นฝรั่ง แล้วก็มีเรา กับ Owner เป็นคนไทย

พอรถออกจากร้านอาหาร ก่อนจะขึ้นทางด่วน คนขับรถก็แวะปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน เรายังไม่ทันได้นึกอะไร PM หันมาหา OE แล้วบ่นแบบเซ็ง ๆ ว่านี่มันอะไรกัน ตอนที่พวกเรานั่งกินข้าวเย็นกัน มีเวลาตั้งสองชั่วโมง คนขับรถมัวไปทำอะไรอยู่ ถึงไม่ยอมเอารถไปเติมน้ำมันให้เรียบร้อย

OE ซึ่งเป็นคนอังกฤษที่อยู่เมืองไทยมาค่อนข้างนาน ตอบว่า ไม่อยากจะพูดเลยว่า แบบนี้นิสัยเหมือนคนไทยเลย เพราะคนขับรถที่บริษัทเขาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เขาต้องไปไซท์ที่ระยองบ่อย ๆ พอขับไปถึงไซท์ คนขับรถก็นั่งรอว่าง ๆ อยู่ทั้งวัน พอตอนเย็นออกจากไซท์ปุ๊บ คนขับรถแวะปั๊มใหญ่ ๆ ปั๊มแรกที่เจอ เพื่อเติมน้ำมัน

แล้วฝรั่งสองคนก็บ่นกันใหญ่ว่า คนขับรถควรจะจัดการเรื่องรถให้เรียบร้อยในระหว่างที่เขาไม่ได้ใช้รถ พอถึงเวลาที่เขาจะใช้รถ ก็ต้องพร้อมใช้เลย ไม่ใช่มาเสียเวลาเติมน้ำมัน เสียเวลาโน่นนี่ เราไม่เคยมีคนขับรถ เลยไม่รู้ว่า เราจะรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่ฝรั่ง ๒ คนนี้เป็นหรือเปล่า แต่เราว่าเราพอจะเข้าใจลอจิกของคนขับรถอยู่บ้าง

เราว่าคนจีนกับคนไทยน่าจะเหมือน ๆ กันตรงที่ว่า พวกเรามีเวลาเยอะแยะ แต่มีเงินน้อย ถ้าต้องเลือกระหว่างเสียเงินกับเสียเวลา พวกเรายอมเสียเวลาดีกว่า เพราะฉะนั้นพวกเราจึงเลือกที่จะเสียเวลาแวะปั๊มน้ำมันระหว่างทางที่จะไปขึ้นทางด่วน แทนที่จะขับรถออกจากร้านอาหาร (หรือออกจากไซท์) เพื่อไปเติมน้ำมันแล้วขับรถกลับมาที่เดิม เพราะการทำอย่างหลังมันเปลืองน้ำมัน-เปลืองเงินโดยใช่เหตุ

แต่พวกฝรั่งเขาคิดว่า เวลาของเขามีค่ามาก เขาเลยรู้สึกว่าคนขับรถน่าจะไปเติมน้ำมันให้เรียบร้อย และการที่จะต้องสิ้นเปลืองน้ำมันไปกับการขับรถวนไปมา มันก็เล็กน้อยเสียจนไม่เป็นประเด็น

สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์